“ยีนเสพติด”ส่งผ่านพันธุกรรมได้ ตรวจสอบ DNA คุณก่อนจะเบนไปสายเขียวดีกว่า !!
Posted On 29 March 2022
DNAcanvas Admin
•1 minute read
ถึงปัจจุบันนี้ มีแนวโน้มว่าสารเสพติด จะถูกปลดล็อกให้ใช้ได้อยู่หลายตัว บางตัวก็มีข้อดีในเรื่องการบรรเทาปวด การช่วยทำให้ผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า และหลับสนิทได้ดีขึ้น แต่คุณทราบหรือไม้ ว่าจริง ๆ แล้ว แต่ละบุคคลมีแนวโน้มที่ใช้สารเหล่านี้แล้วจะเกิดอากาการเสพติดสารได้ง่ายกว่าคนอื่น และคงไม่ดีแน่ หากคนนั้นจะเป็นคุณใช่มั้ยล่ะ
สาระสำคัญตัวหนึ่งในตัวยาเสพติดทั้งหลาย รวมถึงยาแก้ปวดที่ใช้ในทางการแพทย์ด้วยนั่นคือสารโอปิออยด์ เป็นสารที่มีฤทธิ์ในการกดประสาท ทำให้ผู้ใช้เกิดความรู้สึกเคลิบเคลิ้ม และลดอาการปวดรุนแรงได้ สารนี้ถูกใช้ในการแพทย์ เช่น มอร์ฟีน เมธาโดน เฟนตานีล เมพเพริดีน หรือ เพธิดีน นอกจากนี้สารนี้ยังสามารถพบได้ในธรรมชาติเช่นกัน โดยจะพบฝิ่นหรือโอเปียม และสามารถนำไปสังเคราะห์เป็นสารเสพติดที่เรียกว่า เฮโรอีน ได้ ซึ่งมีงานวิจัยที่พบว่าการติดสารโอปิออยด์นี้เป็นผลมาจากพันธุกรรม
จากงานวิจัยในปี 2020 ของ Richard C. Crist และคณะ ทำการตรวจสอบความแตกต่างทางลักษณะของยีนตัวรับ mu-opioid receptor (OPRM1), the delta-opioid receptor (OPRD1), the dopamine D2 receptor (DED2) และ brain-derived neurotrophic factor (BDNF) พบว่ากลุ่มของยีนดังกล่าว มีส่วนเกี่ยวข้องเล็กน้อยต่อความเสี่ยงในการติดสารโอปิออยด์ แม้ว่าจะเป็นส่วนน้อยแต่กลุ่มของยีนเหล่านี้สามารถผลิตซ้ำและถูกส่งต่อไปยังรุ่นลูกหลานของเราได้
จากงานวิจัยในปี 2021 ของ Sandra Sanchez-Roige และคณะ ได้ทำการทดลองในคนที่มีการใช้ยาผิดประเภทโดยใช้ยาแก้ปวดที่แพทย์ไม่ได้สั่งให้ ซึ่งงานวิจัยดังกล่าวสันนิษฐานว่า การใช้ยาผิดประเภทนี้อาจนำไปสู่การติดสารโอปิออยด์ได้ ซึ่งในทศววรรษก่อน การเสพติดสารโอปิออยด์จะเริ่มจากการใช้เฮโรอีน แต่เนื่องด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้คนใช้เฮโรอีนน้อยลง และใช้ยาแก้ปวดมากขึ้น งานวิจัยนึ้จึงศึกษาสารพันธุกรรมในร่างกายของกลุ่มคนดังกล่าว งานวิจัยชิ้นนี้พบว่าลักษณะทางพันธุกรรมในคนกลุ่มตัวอย่างนี้มีความสัมพันธ์กับผู้ป่วยที่มีการติดสารโอปิออยด์ ดังนั้นจึงการใช้ยาแก้ปวดที่แพทย์ไม่ได้เป็นผู้สั่งให้อาจก่อให้เกิดการติดสารโอปิออยด์ หรือการติดยาแก้ปวดเหล่านั้นได้ และอาจถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรมเหล่านี้ต่อไปได้
แหล่งที่มา
https://blog.23andme.com/23andme-research/understanding-opioid-use-disorder/
https://www.nature.com/articles/s41380-021-01335-3
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6368898/#:~:text=Opioid%20use%20disorder%20(OUD)%20is,studies%20%5B1%2C%202%5D.
SHARE